เรือใบสีฟ้ายังควานหาชัยชนะไม่เจอเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันรวมทุกถ้วยเข้าไปแล้ว หลังทำได้แค่ไล่ตามตีเสมอเดอะ เซนต์สแบบหืดจับ

เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือเจ้าบ้าน ที่ยังไร้ชัยชนะถึง 4 นัดติดต่อกันรวมทุกถ้วย ตัดสินใจกลับมาใช้ระบบหลังสามตัวอีกครั้ง นำโดยกัปตันทีมตัวจริงอย่าง แว็งซองต์ กอมปานี ที่จะลงเล่นร่วมกับ จอห์น สโตนส์ และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ส่วนแนวรุกก็กลับมาใช้ เซร์คิโอ อเกวโร ยืนหน้าเป้าด้วยเช่นกัน

ด้านทีมเยือนของ โคล้ด ปูแอล ใส่ชื่อของสามตัวหลักที่ได้พักในเกมยูโรป้าลีกเมื่อคืนวันพฤหัสบดีซึ่งบุกแพ้อินเตอร์ มิลาน 0-1 อย่าง โชเซ ฟอนเต้, ยอร์ดี้ คลาซี และ นาธาน เร้ดมอนด์ คืนสู่ 11 คนแรกอีกครั้ง ด้านดาวยิงที่ฟอร์มกำลังดีอย่าง ชาร์ลี ออสติน ก็กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งด้วย

เริ่มเกมมาเป็นฝั่งของซิตี้ที่สามารถครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า แต่แล้วในนาทีที่ 27 กลับต้องมาพลาดเสียประตูจากการต่อบอลที่ผิดพลาด โดยเป็น สโตนส์ ที่ส่งคืนหลังไม่ดีจนโดน เร้ดมอนด์ วิ่งโฉบมาฉกบอลไปแตะหลบ เคลาดิโอ บราโว แล้วยิงด้วยขวาโล่งๆเข้าไป ช่วยให้เซาแธมป์ตันบุกนำ 1-0

จากนั้นนาทีที่ 31 เรือใบสีฟ้าพลาดโอกาสทองในการตามตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย จากลูกฟรีคิกทางกราบขวาที่ เควิน เด บรอยน์ เปิดให้ สโตนส์ ตวัดแปจ่อๆตุงตาข่าย แต่กลับถูกผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าเสียก่อน ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเป็นนักบุญที่บุกมานำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังเจ้าบ้านตัดสินใจรีบแก้เกมทันที ด้วยการเปลี่ยนตัวสำรองคนแรกส่งแนวรุกดาวรุ่งอย่าง เคเลชี อิเฮียนาโช ลงมาเล่นแทนที่ของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่โชว์ฟอร์มเก่งม่ออกเท่าไรนัก

การแก้เกมของซิตี้ถือว่าได้ผลทีเดียว เมื่อสามารถตามตีเสมอได้สำเร็จ ในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ วางบอลยาวจากกลางสนามให้ เลรอย ซาเน แตะบอลไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนจะไหลเข้ากลางต่อให้ อิเฮียนาโช โฉบมาชาร์จระยะเผาขนเข้าไป ส่งให้เรือใบสีฟ้าไล่เจ๊าเป็น 1-1

จากนั้นแม้ว่าเจ้าบ้านจะพยายามลุยบุกหนักเพื่อหวังพังประตูชัยแซงกลับมาเอาชนะให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ส่งผลให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 กอดคอแบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีเพิ่มเป็น 20 คะแนน แซงกลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าทั้งอาร์เซนอลและลิเวอร์พูล ส่วนเซาแธมป์ตันยังอยู่อันดับ 8 เหมือนเดิม โดยมีเพิ่มเป็น 13 คะแนน