มิดฟิลด์ชาวสแปนิชกลายเป็นฮีโร่พังประตูเดียวของเกมพาปีศาจแดงล้างแค้นเฉือนชนะคู่ปรับร่วมเมือง และถือเป็นการเขี่ยแชมป์เก่าตกรอบลีกคัพอีกด้วย

โชเซ มูรินโญ กุนซือเจ้าบ้าน ชวดใช้งานแนวรับตัวสำคัญอย่าง เอริค ไบญี ที่บาดเจ็บไปและต้องพักยาวกว่า 2 เดือน ทำให้ต้องปรับมาใช้ มาร์กอส โรโฆ จับคู่ปราการหลังตัวกลางกับ ดาลีย์ บลินด์ ส่วนแนวรุก ฆวน มาต้า ก็ได้โอกาสลงตัวจริงอีกครั้ง โดยจะมาประสานงานร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

ด้านทีมเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ปรับทัพจากเกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่เสมอเซาแธมป์ตัน 1-1 มากถึง 9 ราย โดยเหลือเพียงแค่ แว็งซองต์ กอมปานี กับ เลรอย ซาเน ที่ได้ยืนเป็น 11 คนแรกต่อเนื่องเท่านั้น ส่วนแนวรุกก็ฝากความหวังไว้ที่ เคเลชี อิเฮียนาโช รวมถึง โนลิโต้

เกมในช่วง 45 นาทีแรก ยังถือว่าค่อนข้างสูสีกันมาก แต่ก็เต็มข้อผิดพลาดของทั้งสองทีมที่มากพอๆกัน จนแทบจะไม่มีจังหวะลุ้นยิงประตูให้แฟนบอลได้หวาดเสียวกันเลย ทำให้จบครึ่งแรกไปแบบไร้สกอร์ที่ 0-0

ครึ่งหลังเป็นฝั่งของซิตี้ที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวสำรองคนแรกทันที โดยเป็น อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ที่ได้ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนที่ของ กอมปานี ซึ่งคาดว่าน่าจะมีปัญหาบาดเจ็บ

แต่แล้วในนาทีที่ 54 ยูไนเต็ดก็สามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ อิบราฮิโมวิช พาบอลขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลเข้ากลางหมายจะให้ อันเดร์ เอร์เรรา ซึ่งดันไปกระแทกกับ แฟร์นันโด จนล้มลงไปก่อน แต่บอลก็ยังไหลไปเข้าทางของ มาต้า ตวัดยิงด้วยซ้ายระยะเผาขนเข้าไป ส่งให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0

จากนั้นแม้ว่าเจ้าบ้านจะพยายามบุกเพื่อบวกลูกสองเพิ่มให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามสุดท้ายจบเกมทก็ยังเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เฉือนชนะไปหวุดหวิด 1-0 กรุยทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกอีเอฟแอลคัพได้สำเร็จ และถือเป็นการหยุดเส้นทางของแชมป์เก่าในถ้วยนี้เมื่อซีซั่นก่อนอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไว้เพียงแค่นี้ด้วย