แนวรุกอาร์เจนไตน์ที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมนี้ด้วย จัดการยิง 1 จ่าย 1 พาทัพอาซูลกรานาบุกเก็บชัยเหนือแชมป์ยูโรป้าลีกได้ถึงถิ่น

ฆอร์เก้ ซามเปาลี กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ของเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ถล่มดินาโม ซาเกร็บ 4-0 ทั้งสิ้น 3 ราย ได้แก่ ดาเนียล คาร์ริโก้, พาโบล ซาราเบีย และ ซามีร์ นาสรี ที่ได้ลงตัวจริงแทน กาเบรียล แมร์กาโด้, มาทีอัส กราเนวิตเตอร์ และ กานโซ

ด้านทีมเยือนของ หลุยส์ เอ็นริเก้ เปลี่ยนนักเตะจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ซึ่งบุกแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เพียงแค่รายเดียวเท่านั้น คืออดีตกองกลางของเซบีญาที่ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอย่าง เดนิส ซัวเรซ ซึ่งลงเป็น 11 คนแรกแทนที่ของ อังเดร โกเมส

เริ่มเกมมาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น เป็นเซบีญาที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ซาราเบีย จ่ายทะลุช่องให้ บิโตโล ลากหลุดเดี่ยวไปจิ้มด้วยขวาระยะเผาขนสวนตัวของ มาร์ค อังเดร แทร์ สเตเก้น เข้าไป ส่งให้ทีมแชมป์ยูโรป้าลีกออกนำ 1-0

หลังจากนั้นบาร์ซาก็เริ่มจะตั้งลำเกมรุกของตัวเองได้ จนกระทั่งมาตามตีเสมอได้สำเร็จ ในช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 43 จากจังหวะที่ เนย์มาร์ ลากตัดเข้าในจากกราบซ้ายก่อนจะไหลถวายพานต่อให้ ลิโอเนล เมสซี ตวัดยิงด้วยซ้ายข้างถนัดเน้นๆเข้าไป ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังเกมค่อนข้างสู้กันอย่างสนุกสูสีทีเดียว แต่กลายเป็นฝั่งของอาซูลกรานาที่เฉียบขาดกว่า ทำประตูพลิกขึ้นนำได้บ้าง ในนาทีที่ 61 จากจังหวะที่ เมสซี จ่ายบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ อัดด้วยขวาจ่อๆตุงตาข่าย ช่วยให้ทีมเยือนบุกมาแซงนำ 2-1

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นบาร์เซโลนาที่บุกมาเฉือนชนะไปได้แบบหืดจับ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 25 แต้ม รั้งรองจ่าฝูงต่อไป ส่วนเซบีญายังอยู่อันดับ 5 มี 21 คะแนนเท่าเดิม