ศึกเดือด ! "เอล กลาซิโก้" เวอร์ชั่นที่ชุดขาวถึงคราวเป็นต่อ !!!

ศึกเดือด ! "เอล กลาซิโก้" เวอร์ชั่นที่ชุดขาวถึงคราวเป็นต่อ !!!

ศึก เอล กลาซิโก้ เกมระหว่างบาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด ได้รับการขนานนามว่า เป็นเกมระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน สองทีมนี้ คือทีมที่มีความแข็งแกร่งระดับโลก และ ทุกแมตช์ที่แข่งขันกัน การันตีได้ว่า ต้องสนุกแน่นอน

 

 

        ความเข้มข้นของ เอล กลาซิโก้ นั้น ไม่ใช่แค่เป็นการปะทะกันของสองทีมใหญ่ธรรมดา แต่ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในเรื่องการเมืองการปกครอง จนทำให้ม้นมีพลัง มากกว่าเกมฟุตบอลนัดหนึ่ง

        สำหรับในฤดูกาล 2016-17 สถานการณ์ของศึก เอล กลาซิโก้ นั้นเปลี่ยนแปลงไป จากเดิม 3-4 ซีซั่นหลังสุด บาร์เซโลน่าจะเป็นจ่าฝูง และเรอัล มาดริด เป็นผู้ไล่ตามแต่ในเวลานี้ เรอัล มาดริด กลายเป็นจ่าฝูงแทน

        เรอัล มาดริด อยู่จ่าฝูงของลาลีกา พวกเขาเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด 36 ลูก และมีลูกได้เสียดีที่สุด บวก 25  แต้มล่าสุด เรอัล มาดริด ลงแข่ง 13 นัด ชนะ 10 เสมอ 3 มี 33 แต้ม ยังไม่แพ้ใคร

        ลูกทีมของ ซีเนดีน ซีดาน เต็มไปด้วยความมั่นใจ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกผ่านเข้ารอบไปแล้ว เช่นเดียวกับ โกปา เดลเรย์ และตอนนี้ พวกเขามีช่องว่างห่างจากอันดับ 2 บาร์เซโลน่าถึง 6 คะแนน

ฟุตบอล,ลาลีกา สเปน,บาร์เซโลน่า,เรอัล มาดริด

        *ทีมแข็งแกร่ง ยิงประตูได้ทั้งทีม

        จุดเด่นของทีมราชันชุดขาว ในตอนนี้ คือเกมรุกที่เฉียบขาดมาก พวกเขาไม่ได้มีดีแค่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเปิดสถิติดูจะเห็นว่า มีถึง 15 คนที่ยิงประตูได้ในลาลีกา

        ไม่ใช่แค่กลุ่มกองหน้า แต่ กองหลัง อย่าง เปเป้ , เซร์คิโอ รามอส , ราฟาเอล วาราน หรือ ดานิโล่ ต่างทำประตูได้ทุกคน เรียกได้ว่าครบเครื่องอย่างยิ่ง

        ขณะที่เกมรับ พวกเขาก็ถือว่าแข็งแกร่ง ไม่เป็นรองใคร ตอนนี้เสียประตูไปแค่ 11 ลูกเท่านั้นในลีก มีแค่ บีญาร์เรอัล ที่เสียประตูน้อยกว่า แค่ทีมเดียวเท่านั้น  ดังนั้นในภาพรวมถือว่าเรอัล มาดริด เป็นต่อในแมตช์นี้

        ความพร้อมล่าสุด ซีเนดีน ซีดาน พักตัวหลักทั้ง 11 คน  จากในเกมโคปาเดลเรย์ ที่พบกับ ลีโอเนซ่า เมื่อกลางสัปดาห์ ทำให้สภาพความฟิตของผู้เล่นน่าจะเต็มร้อย

        อย่างไรก็ตาม หากลิสต์รายชื่อไล่ดูจริงๆ จะเห็นว่ามีตัวหลักเจ็บไปพร้อมๆกันถึงสามคน

        โทนี่ โครส จอมทัพทีมชาติเยอรมัน กระดูกนิ้วเท้าหัก กว่าจะกลับมาได้ต้องรอจนถึงปลายเดือนตุลาคม  อัลวาโร่ โมราต้า หัวหอกสเปน เจ็บแฮมสตริง รีเทิร์นกลับมากลางเดือนนี้ ขณะที่ แกเร็ธ เบล ปีกตัวจี๊ดทีมชาติเวลส์ ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าจะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง

        การขาดหายไปของสามคีย์แมนนี้ น่าสนใจว่า เรอัล มาดริด จะรับมืออย่างไร เพราะตามปกติ เกมรุกของพวกเขา จะมีโรนัลโด้ เบนเซม่า กับเบลช่วยกันโจมตี แต่คราวนี้ จะเหลือเพียงแค่โรนัลโด้ กับเบนเซม่าเท่านั้น

        *บาร์เซโลน่า ฟอร์มสะดุด

        ขณะที่ฝั่ง บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลนี้ ถือว่าฟอร์มดร็อปลงไปอย่างน่าใจหาย มีหลายๆเกมที่พวกเขาเล่นผิดพลาด และไม่สามารถเก็บแต้มได้

        ไม่ว่าจะเป็นเกมแพ้อลาเบสคาบ้าน  เกมแพ้เซลต้า บีโก้ รวมถึง สองนัดหลังสุดที่เจอกับมาลาก้า และ เรอัล โซเซียดัด ก็หลุดเสมอทั้งสองเกม

        ปัญหาของ บาร์เซโลน่า ที่สื่อต่างชาติวิเคราะห์ ก็คือพวกเขาฝากความหวังไว้ที่สามประสานแนวรุก msn มากจนเกินไป  ดังนั้น หากวันใดก็ตามที่ เมสซี่ ซัวเรซ และเนย์มาร์ โดนประกบติดเล่นไม่ออก นักเตะคนอื่นไม่สามารถแทนที่ได้

        บาร์เซโลน่า ในลาลีกา ซีซั่นนี้ยิงไปแล้ว 33 ประตู แต่ถ้าหากตัด MSN ทิ้งไป คนอื่นๆในทีม ยิงรวมกันได้แค่ 12 ลูกเท่านั้น

        หรือในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก บาร์เซโลน่ายิงได้ 16 ประตู แต่ถ้าตัด MSN ออกไป จะเหลือแค่ 3 ประตูเท่านั้น

        สำหรับในศึก เอล กลาซิโก้ วันเสาร์นี้ บาร์เซโลน่าได้รับข่าวดี เมื่อเจเรมี่ มาติเยอ กองหลังชาวฝรั่งเศส ล่าสุดเรียกความฟิตได้แล้ว และกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ตามปกติ

        ขณะ อันเดรส อิเนสต้า และ จอร์ดี้ อัลบา ที่ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าทั้งคู่ กำลังรอเช็กความฟิต แต่สื่อเชื่อว่า จะมีชื่อลงเล่นในเกมที่ คัมป์ นู อย่างไม่มีปัญหา

        * สถิติการเจอกันสุดสูสี

        สำหรับสถิติการเจอกันของคู่นี้ ในคัมป์นู 5 ซีซั่นหลังสุด ปรากฎว่าสูสีกันมากๆ โดยบาร์เซโลน่า ชนะ 2 นัด  เรอัล มาดริด ชนะ 2 นัด และเสมอกัน 1 นัด โดยซีซั่นที่แล้ว เรอัล มาดริด บุกมาเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 2-1

        นัดนี้ จะเป็นการดวลกันอีกครั้งของ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ เรอัล มาดริด กับ หลุยส์ เอ็นริเก้ โค้ช บาร์เซโลน่า โดยสถิติของทั้งคู่ เคยดวลกันมาแล้วหนึ่งนัด ซึ่ง ซีดาน เป็นฝ่ายเอาชนะได้ในครั้งนั้น

        สำหรับศึก เอล กลาซิโก้ เกมหยุดโลก จะระเบิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม  เวลา 22 นาฬิกา 15 นาที ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เรอัล มาดริด จะทำแต้มฉีกหนีเป็น 9 คะแนน หรือ บาร์เซโลน่าจะลดช่องว่างเหลือแค่ 3 แต้ม ก็ต้องมาลุ้นกัน